ณ.ขุนยวม เดือนพฤศจิกา..


หากเอ่ยถึง..ขุนยวม ... ใครๆก็ต้องนึกถึง ทุ่งดอกไม้สีเหลืองๆ พลิบานอยู่เต็มภูเขา ไกลสุดสายตา ใช่แล้ว!! ดอกบัวตอง แห่งดอยแม่อูคอ.....

และถ้าเป็นยอดเขาสูงเสียดฟ้า ทะเลหมอกสีขาว พระอาทิตย์สีแดงส้มหล่ะ!! คงต้องยกให้..."ภูชี้เพ้อ".. พระเอกของเรา!!

ทุ่งบัวตองยังอยู่เหมือนเดิม เพิ่มเติมคือภูชี้เพ้อ จะสวยแค่ไหน? อะไร? ยังไง? .. ตามม่ะ ตามมา!!
 



  จากปางมะผ้าแวะเที่ยวกันมาเรื่อยๆ ตามที่แพลนไว้คือ จะเที่ยวรอบเป็นวงกลม จากเชียงใหม่-แม่ฮ่องสอน ตอนนี้เราก็มาถึงตัวเมืองแม่ฮ่องสอนแล้ว เราจะแวะพักกันที่นี่1 คืน วันรุ่งขึ้นก็จะไปกันต่อที่อ.ขุนยวม

เผื่อใครพึ่งเปิดเข้ามาอ่าน อาจจะงงๆ เฮ้ย!!! มันเขียนไรของมันว๊าาา!! 5555+++ เข้าไปอ่านย้อนหลังการเดินทางได้น่ะจร๊ะ!! ที่นี่เลย http://toonnstory.blogspot.com

มาถึงแม่ฮ่องสอนนี่ก็เกือบจะ 5โมงเย็น เข้าไปแล้ว เราได้จองที่พักไว้ล่วงหน้า อยู่ในตัวเมืองแม่ฮ่องสอนเลย

"บุญดีเฮาส์" เป็นเกสต์เฮ้าส์เล็กๆ แต่น้ำใจเจ้าของไม่ได้เล็กตามไปด้วยน๊าาาา พี่เจ้าของใจดีมากขอบอก!!

 
ลืมถ่ายภาพห้องพักมาให้ดูกัน ไม่ต้องห่วง!! ห้องพักสะอาด มีแอร์ ทีวี เครื่องทำน้ำอุ่น พร้อม!! อีกอย่างถึงจะเป็นที่พักเล็กๆแบบนี้ เต็มเร็วน๊าาาา ตอนจองยังเหลือเป็นห้องสุดท้ายเลย
 
หลังจากเข้าเก็บสัมภาระซึ่งเยอะมาก (ไม่รู้ขนไรมาเยอะแยะ)  เข้าห้องพักเรียบร้อย เรามีนัดกับพระอาทิตย์ที่พระธาตุดอยกองมู ต้องรีบหน่อยหล่ะ
 
 
พระธาตุดอยกองมู เป็นปูชนียสถานศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดแม่ฮ่องสอนมาช้านาน ถ้ามีโอกาสมาแม่ฮ่องสอน ก็แวะมาสักการะพระธาตุเพื่อเป็นศิริมงคลกันน่ะจร๊ะ!!
 
ทางขึ้นพระธาตุสามารถนำรถขึ้นมาได้เลย โดยขับขึ้นเขามาประมาณ 1.5 กิโล เป็นทางลาดยางขับง่าย อีกทางก็สามารถเดินทางบันไดขึ้นมาบนพระธาตุได้เช่นกัน
 
เมื่อขึ้นมาบนพระธาตุ จะสามารถมองเห็นตัวเมืองแม่ฮ่องสอนเกือบทั้งเมือง เป็นวิวเมืองที่สวยงามอีกแบบหนึ่ง แถมยังนั่งดูพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าได้ด้วยน่ะคุณ
 
 
 
 
หลังจากพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าลงไปแล้ว ถนนคนเดินก็เริ่มคึกคักขึ้น โดยเฉพาะช่วงฤดูท่องเที่ยว ถนนคนเดินจะเปิดทุกวัน
 
 
 
โซนนี้จะเป็นโซนขายอาหาร เราเดินมาโซนนี้ก่อนเลย ...ป๊าววว!!ไม่ได้หิวน่ะ 555++ มันเป็นไปตามสัญชาตญาณที่เรื่องกินต้องมาก่อน 555++
 
 ตามร้านก็จะขายของกินง่ายๆ ให้เดินซื้อของไปกินไปด้วยก็ได้ เช่น ลูกชิ้นปิ้ง ปลาหมึกย่าง ของทอดต่างๆ ยำต่างๆ ถ้าจะนั่งกินชิลๆก็ได้น่ะ ด้านหลังร้านจะมีโต๊ะไว้บริการ

 
ถนนคนเดินจะมีระยะทางสั้นๆไม่ไกลมากนัก อีกโซนก็จะขายสินค้า ประเภทของฝากที่ระลึก เช่น ผ้าทอชาวเขา  เสื้อผ้าทางเหนือ  ของใช้ของประดับกระจุกกระจิก ประมาณนี้ 
 
 
 
น้องนักเรียน กำลังตั้งขวดเบียร์โชว์ เก่งโน๊ะ!!
 
 
ถ้ามาตอนกลางคืน จะได้เห็นความสวยงามของ "วัดจองคำ-วัดจองกลาง" ที่ประดับประดาด้วยไฟระยิบระยับ สว่างไสวไปทั่วทั้งบริเวณรอบหนองจองคำ
 
วัดจองคำ-วัดจองกลาง ตั้งอยู่บริเวณหนองจองคำ  ซึ่งเป็นคนละวัดกัน แต่ตั้งอยู่ภายในบริเวณเดียวกัน   
 
.............................................................
 
เช้าวันใหม่ !!! ถึงจะไม่มีเสียงไก่ขันปลุกเหมือนที่ปางมะผ้า แต่เราก็มีนาฬิกาปลุก 555+++ มื้อเช้านี้เราจะไปหาอะไรกินกันที่ตลาดเช้า ก่อนที่จะออกเดินทางไปขุนยวมกันต่อ
 
ยังพอมีเวลาเดินเล่นตัวเมืองสักพักใหญ่ ....
 
 
 
เดินไปเจอวัดนึงสวยมาก เป็นวัดที่มีความงดงามตามแบบศิลปะทางเหนือมาก วัดนี้ชื่อ  "วัดหัวเวียง" อยู่ในเทศบาลเมืองแม่ฮ่องสอน
 
คงได้เวลาที่จะออกเดินทางกันต่อแล้วหล่ะ จากที่เรามาทางปาย เราใช้เส้นทางหลาง 1095 จนมาถึงแม่ฮ่องสอน จากจุดนี้เราจะใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 108 กันแล้ว ระยะทางจากแม่ฮ่องสอนไปถึงขุนยวมก็อีก 90 กิโล
 
ขับรถออกมาจากเมืองแม่ฮ่องสอนแป๊บนึง ก็มองเห็นจุดชมวิวจุดนึง มีรูปร่างแปลก ดึงดูดความสนใจพอควร เลยตัดสินใจแวะก่อน
 
จุดนี้คือ จุดชมวิวผาบ่อง...
 
 
ผาบ่อง .. เป็นจุดชมวิวที่ตั้งอยู่บนถนนสาย 108 ที่บอกรูปร่างแปลก ก็คือ จะมีลักษณะเป็นภูเขาสามเหลี่ยมหลดหลั่นกัน มีรูปร่างที่สวยงามแปลกตาดี
 
ภายในบริเวณนี้ ก็จะมีร้านสินค้าที่ระลึก เพียงไม่กี่ร้าน มีร้านกาแฟสด รวมถึงชาประเภทต่างๆขายด้วย จุดนี้สามารถแวะเข้าห้องน้ำก่อนได้  เพราะถ้าเลยไปก็ไม่มีแล้ว
 
 
 
ถามป้าที่ขายของอยู่ที่จุดนี้ว่า ผาบ่องแปลว่าอะไร ป้าแกเป็นชาวเขาพูดไม่ค่อยชัด พอจับใจความได้ว่า
 
"บ่อง" ก็คล้ายๆกับช่อง ซึ่งผาบ่องตรงนี้จะเป็นช่องที่น้ำไหลผ่านภูเขา ลงไปสู่แม่น้ำสายต่างๆเบื้องล่าง แล้วแกก็ชี้ให้ดู ช่องที่น้ำไหลผ่าน  แต่ถ่ายรูปให้ดูไม่ชัดเพราะเป็นการถ่ายจากมือถือ ต้องขอโทษด้วยโน๊ะ!! อิอิ!!
 
เส้นทางหลวงหมายเลข 108 นี้ เป็นเส้นเดิมที่ใช้เวลาจะมาเยือนแม่ฮ่องสอน ก่อนที่จะมีการเปลี่ยนไปนิยมใช้เส้นปาย-แม่ฮ่องสอนแทน เส้นนี้ทางแม่ฮ่องสอนเคยจัดแคมเปญ มอบใบประกาศให้สำหรับนักท่องเที่ยวที่สามารถ พิชิต 1864 โค้งด้วย
 
ไปกันต่อเหอะ!! ขับผ่านโค้งซ้ายที โค้งขวาที มาอีก 90 กิโล ก็เข้าสู่อำเภอขุนยวมกันแล้ว แต่ต้องระวังหน่อยน่ะถนนเส้นนี้จะมีโค้งหักศอกอยู่หลายจุด
 
มาถึงอ.ขุนยวมกันแล้ว ก็แวะไปเที่ยวกันเลยดีกว่า อย่าร่ำไร!! ป่านนี้ดอกบัวตองบานคอยเราแล้วล่ะมั้ง !!!

 
ดอยแม่อูคอ...อยู่ห่างจากตัวขุนยวม 30 กิโล ..ดอกบัวตองจะบานต้อนรับนักท่องเที่ยวประมาณกลางๆเดือนพฤศจิกา จะอยู่ให้ยลโฉมไม่นานนักก็จะโรยรา ถ้าโชคดีอาจจะบานถึงปลายเดือนธันวาก็ได้น่ะ 
 
ช่วงที่เรามาคือกลางเดือนพฤศจิกา ดอกบัวตองกำลังบานเต็มท้องทุ่งแล้วววว!! สีเหลืองไปทั่วทั้งดอยเลย ดีใจหลายยย!!!
 
 
คือมันสวยมากเลยน่ะ ดอกไม้บานเต็มทุ่ง ถึงแม้แดดจะแรง ก็ไม่ได้ลดความงามของดอกบัวตองลงเลย 
สวยจนอยากเข้าไปวิ่งเล่น นอนเล่นในแปลงดอกไม้ แต่เขาห้ามเข้าอ่ะ 555+++


 
ทางเดินขึ้นจุดชมวิวของดอย เล่นเอาหอบเหมือนกัน ไม่คิดเลยว่าจะต้องเดินขึ้นสูงขนาดนี้ 555+++


 
ใช้เวลาอยู่ที่นี่นานพอสมควร ไม่ใช่อะไร แค่เดินขึ้นก็ปาเข้าไปหลายนาที  เดินขึ้นบันไดหลายขั้นมาก  แต่เราไม่ท้อ เพราะความสวยงามรอเราอยู่ตรงหน้า เห็นแล้วหายเหนื่อย!!
 
 
 
หลังจากเดินขึ้นและเดินลง ก็มานั่งพักสักกะติ๊ด!! แล้วค่อยไปต่อ ไม่รีบๆ ขอพักเดี๋ยวนึงสิ น่ะค้าบบบ  555++
 
เลยจากดอยแม่อูคอไปประมาณ 10 กิโล ก็จะเจอกับ น้ำตกแม่สุรินทร์ อยู่ในพื้นที่ของอุทยานแห่งชาติน้ำตกแม่สุรินทร์
 
น้ำตกแม่สุรินทร์ เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ สายน้ำไหลจากหน้าผาลงมาสู่เบื้องล่าง โดยมีความสูงประมาณ 80 เมตร มองจากด้านบนก็สามารถมองเห็นตัวน้ำตกแล้ว
 
 
มองจากจุดชมวิว ... สามารถลงไปชมน้ำตกเบื้องล่างได้น่ะ แต่วันที่ไปทางอุทยานยังไม่เปิดให้ลงไปด้านล่าง เนื่องจากพึ่งหมดฤดูฝนไม่นาน ทางค่อนข้างชันและอันตราย
 

 
ภายในอุทยานมีลานกางเต้นท์ ไว้รองรับนักท่องเที่ยว
 
เราคงต้องหยุดเรื่องน้ำตกไว้แค่นี้ก่อน เพราะนี่ก็เย็นมากแล้ว เราจะขับรถกลับไปนอนที่ตัวเมืองขุนยวมกัน คืนนี้เราจะพักที่ รร.ยุ้น
 
 
แวะเก็บสัมภาระในโรงแรมเรียบร้อย ก็ออกมาหามื้อเย็น ระหว่างขับรถไปเรื่อยๆ เรื่อยจนมาถึง วัดต่อแพ วัดเก่าแก่ของชาวขุนยวม วัดทางเหนือนี่สวยงามมีเอกลักษณ์โดดเด่นไม่แพ้ภาคอื่นๆเลย ว่าม่ะ!!
 

 
เย็นมากแล้ว ยังได้มีอะไรตกถึงท้องเลย คงต้องรีบออกจากวัดแล้วหล่ะ!! ไม่ได้กลัวน๊าาา แต่มันหิว จริงจริ๊งงงง !!! 555+++ (เสียงสูงได้อีก)
 
ขอไปหาข้าวกินก่อนน่ะ กินเสร็จก็จะรีบเข้านอนเลย พรุ่งนี้ต้องรีบตื่น ไปเจอพระเอก อิอิ!!!
 
....................................................................
 
ณ.เวลาตีสี่ครึ่ง เรานัดกับคุณลุงอ๊อดไว้ แกเป็นคนที่จะขับรถพาเราไปที่ภู ประโยคแรกที่แกทักคือ ไม่เตรียมหมวกกับถุงมือไปด้วยหรอ ข้างบนหนาวมากน่ะ ... คำตอบจากเรา จริงหรอลุง!!   
 
การเดินทางไปภูชี้เพ้อ สามารถติดต่อเหมารถกับทางที่พักได้เลย หรืออีกทางหนึ่ง คือขับรถไปตลาดม้ง แล้วจะมีรถบริการขึ้นภูชี้เพ้อ ..ตลาดม้งจะอยู่ก่อนถึงดอยแม่อูคอ..
 
ภูชี้เพ้อ.. ตั้งอยู่ในหน่วยจัดการต้นน้ำแม่หยอด จะใช้เส้นทางเดียวกับดอยแม่อูคอ แต่จะอยู่ก่อนถึงดอย รถเก๋งไม่สามารถขึ้นได้น่ะตัว!! จากตีนภูต้องเดินเท้าขึ้นไปอีกประมาณ 1 กิโล ก็ประมาณ 30-45 นาที นี่แหละ!!  
 
ไปกันเหอะ!! ลุงอ๊อดมารอแล้ว.....
 
 
ก่อนเดินขึ้น แวะอ่านกันสักนิดน่ะจ๊ะ!! เธอๆ...
 
ถนนที่จะขึ้นมาบนภู ถือว่าโหดแล้ว ทางเดินขึ้นยิ่งโหดกว่า ... ทางขึ้นเขาค่อนข้างชันมาก เวลาเดินต้องระมัดระวัง ควรนั่งพักเป็นระยะๆ ตามคำแนะนำ อย่ารีบเดินขึ้นเพื่อให้ถึงยอดภูเร็วๆ ควรค่อยๆเดินขึ้นไปเรื่อยๆ เชื่อเรา!! มิเช่นนั้น.. มีสิทธิ์หงายหลังกลิ้งตกลงไปตีนภูแน่ๆ
 
 

 
ขึ้นมาถึงยอดภู เสียงลุงอ๊อดดังขึ้นมาในหูทันที  โอ๊ยยย!!แม่เจ้า!!! ทั้งอากาศหนาว ทั้งลมที่แรง พัดมาทีตัวแทบปลิว.... แบบว่า!! เด็ดดวงมาก!!

 
นอกจากจะสะใจในความหนาวแล้ว ความสวยยังแซ่บมากกกกกด้วย
 
 เมื่อพระอาทิตย์ค่อยๆส่องแสงสีส้มออกมาให้เห็นอย่างช้าๆ ตามมาด้วยเสียงกดชัตเตอร์ ของทุกคนที่ขึ้นไปรอดูความสวยงาม...


 
ภาพที่ถ่ายมากับภาพที่เห็นโดยไม่ผ่านหน้าจอสี่เหลี่ยมมันต่างกันมาก สวยงามมากจริงๆน่ะ ปล.ไม่ต้องเชื่อก็ได้ แต่อยากให้ลองมาสัมผัส จะได้รู้ว่า ไม่ได้โม้!!! 5555++++
 
 
สว่างแล้วเลยได้เห็นความสวยงามระหว่างทางเดิน


 
ลงมาจากภูปุ๊บ!! ก็มาแวะ..ตลาดม้ง..ปั้บ ที่ตลาดนี้แหละมีบริการรถขึ้นภูชี้เพ้อด้วย!!!
 


 
เดินตลาดช่วงเช้านี่ดีน่ะ เย็นสบาย แดดก็ไม่แรง คนก็น้อยด้วย ชอบๆ
 
 
ลุงอ๊อด ขับรถมาส่งที่โรงแรมได้ทันเวลาอาหารเช้าพอดีเลย
 
วันนี้ตอนขึ้นภูไม่เจอหมอก เพราะหมอกดันมาปกคลุมอยู่พื้นราบซะงั้น!! ตอนนั่งรถกลับมาที่ตัวเมือง หมอกเยอะมากๆ ประมาณเก้าโมงกว่าๆก้เริ่มจางแล้ว
 
 
คงถึงเวลาที่ต้องอำลา..ขุนยวม..กันแล้ว เมืองเล็กๆเมืองนี้กำลังรอให้ทุกคนไปสัมผัสกับความยิ่งใหญ่ของความงดงามจากสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆมากมาย 
 
 
เราคงต้องออกเดินทางจากสถานีนี้ เพื่อไปยังสถานีต่อไปแล้ว
 
.....สวนป่าแม่แจ่ม.....
บ้านเล็กในป่าใหญ่
 
 
อ่านเล่าเรื่องเที่ยวตามสไตล์เรา ที่บางครั้งอาจไม่ได้สาระ 555+++ แต่..มันคือความทรงจำที่ดี ที่อยากบอกต่อ  ได้ที่นี่น่ะจ๊ะ http://toonnstory.blogspot.com
 
 
 
แจกัล!!! ที่สถานีแม่แจ่ม-ฮอด น่ะเจ้าค่ะ
 
ขอบคุณที่แวะเข้ามาอ่านน่ะค่ะ!!
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
  
 


 
 
 
 
 
 



 
 
 
 
 
 
 
 

 
 










 
 
 
 
 
 
 
 
 




ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ตามหาลมหนาวจากเชียงใหม่-แม่ฮ่องสอน

ปางมะผ้า "ผ่านมาแล้ว..อย่าแค่ผ่านไป"

เที่ยวสระแก้ว นอนหลับเพลิน....รีสอร์ท