อะโลฮ่าสวนผึ้ง..ตะลุยเขากระโจม

ลมหนาวยังไม่หมด เราจะหยุดเที่ยวได้งัย!!! .... ครั้งนี้ขอเป็นใกล้ๆกรุงเทพหน่อยน่ะ เล็งๆไว้ก็หลายจังหวัด และค่อยๆตัดทิ้งไปทีละที่ จนสุดท้าย ขอเลือก ....สวนผึ้ง...อำเภอยอดฮิตของจังหวัดราชบุรีล่ะกัลลลลล!!!


 
 
สวนผึ้ง...ใช่แต่จะมีที่เที่ยวสำหรับสายหวานน่ะจ๊ะ!! กับสายโหดเขาก็มีมาให้ท้าทายน่ะเธอ!! สำหรับลูกครึ่งอย่างเรา (ครึ่งอะไรก็แล้วแต่จะคิด 55++) จะบุกเที่ยวทั้งสองสายเล้ยยยย....
 
มาเริ่มที่การเดินทางกันก่อนเลย จากกรุงเทพมาถึงสวนผึ้งก็ประมาณ 2-3ชั่วโมง ระยะทางประมาณ 160กิโล ไม่ไกลเลยใช่มั้ย น่าสนมั้ยหล่ะ!!สำหรับคนมีเวลาหยุดพักน้อยก็มาได้
 
เข้ามาถึงสวนผึ้ง ก็เจอที่นี่เลย .. coro field (โคโรฟิลด์) ฟาร์มเมล่อน อยู่ติดถนน เลยรพ.สวนผึ้งมานิดเดียว หาง่ายอยู่ด้านซ้ายมือ แล้วที่นี่จะมีอะไรบ้าง ป่ะ..ไปดูกัน
 
 

 
โซนแรกที่เราเดินผ่านเข้าไปจะเป็น โซน coro me (โคโร มี) ภายในเราสามารถเลือกจัดตกแต่ง ประดิษฐ์ประดอย ต้นไม้ในกระถาง ตามจินตนาการของเราได้เลย 
 
 

 
แต่ถ้าชอบหรือติดใจต้นไหน ก็สามารถเลือกซื้อกลับไปบ้านได้เหมือนกัน

 

 
 
โซนต่อมาคือ โซนcoro house (โคโร เฮ้าส์) โดยโซนนี้จะเป็นโซนระบบปิด แต่สามารถเข้าชมได้ จะมีกิจกรรมเป็นรอบๆ โดยคนที่จะเข้าไปในนี้จะต้องทำการผ่านระบบฆ่าเชื้อกันเสียก่อน
 
 
แต่เราไม่ได้เข้าไป เลยไม่มีภาพด้านในมาฝาก อิอิ!!
 
อีกโซนนึงก็จะเป็น โซนที่ชื่อว่า grow & harvest (โกรว์แอนด์ฮาร์เวสต์) ซึ่งโซนนี้เราสามารถลงมือปลูกผักและเก็บผลไม้ได้เอง จะมีค่าร่วมกิจกรรมน่ะ คนละ180บาท โซนนี้เด็กๆจะชอบมาก
 
 

 
อีกโซนนึง โซน coro garden (โคโร การ์เด้น) โซนนี้เข้าไปเดินชมได้เลย จะมีแปลงดอกไม้ ผักสลัดนานาชนิด ได้แวะชมแวะถ่ายรูปกันตามสบาย
 
 

 
โซนต่อมา จะเรียกว่าเป็นโซนของนักช็อป ก็ได้ นั่นคือโซน coro market (โคโร มาร์เก็ต)
 
 

 
มีจำหน่ายตั้งแต่ ผักสลัด ผลไม้สดๆ แยม น้ำสลัด ของที่ระลึกจากฟาร์ม

 
 
 

 
และที่ขาดไม่ได้ เมล่อนนนนนน!!!! และที่พลาดไม่ได้เช่นกัน คือการชิมเมล่อนนน อิอิ!! รีบไปโซนสุดท้ายกันดีกว่า
 
และนี่ก็โซนสุดท้าย ที่ชอบบบบบบที่ซู้ดดดด!!! โซน coro cafe (โคโร คาเฟ่)
 
 
มาถึงฟาร์มเมล่อนทั้งที จะพลาดจุดนี้ไปได้งัย เนอะ!!
 
 
 
 
มีหลากหลายเมนูที่อยากจัดมาก!!น่ากินทุกอย่างเลย แต่ของแค่ไอติมโยเกิร์ตเมล่อน โรตีไอซ์แลนด์ แค่2อย่างก่อน อีกเมนูที่ห้ามพลาดคือน้ำเมล่อน หมดไปแล้วนึกขึ้นได้ว่าลืมถ่ายรูป 555++
 
เติมหวานกันไปเต็มที่แล้ว เรามีความน่ารักมานำเสนอ ที่ต่อไปที่เราจะบุกไปคือ อัลปาก้าฮิลล์ ... ไปดูความน่ารักของเจ้าตัวนี้และพองเพื่อนกัน
 
ก่อนเข้าเราจะไปจุดจำหน่ายตั๋วกันก่อน ราคาตั๋วที่เราเลือกคือ 290บาทต่อคน (ถูกสุด 555++) หลังจากซื้อตั๋วแล้วเราต้องมาฟังเจ้าหน้าที่อธิบายความเป็นมาของฟาร์มและวิธีปฏิบัติเวลาเจอเจ้าอัลปาก้ากันก่อน
 
 
และนี่แหละคือ เจ้าอัลป้าก้า ...
 
วิธีจับคือใช้มือนึงโอบคอไว้ แล้วเอาอาหารป้อน อย่า!จับหัวมันเด็ดขาด ไม่งั้นมันจะพ่นน้ำลายใส่ ฟังเหมือนง่ายๆเนอะ แต่เอาเข้าจริงๆ มันยอมให้โอบซะที่ไหน เล่นตัวชะมัด!!!
 

 
นกฮูก แห่งบ้านแฮร์รี่

 
 
 
เจ้าหนูแฮมเตอร์

 
ตัวอะไรหว่า!!! ลืม....อ้อ!! แพรี่ด็อก ใช่เนอะ!!

 
บ้านฮอบบิท ณ.อัลปาก้าฮิลล์
 
นอกจากที่เห็น ยังมีสัตว์แปลกหายาก เช่น จิงโจ้แคระ กระต่ายจิ๋ว เต่ายักษ์ มาม็อต ซึ่งบางตัวเชื่องมาก สามารถจับอุ้มได้ แต่ต้องใช้ความระมัดระวังทั้งตัวเองและก็สัตว์ด้วยน่ะ!!
 
เที่ยวจนลืมว่าท้องร้อง!! แว่วมาว่า มีร้านนึงที่ขึ้นชื่อเรื่องอาหารมาก ติดอันดับต้นๆของสวนผึ้ง เดี๋ยวเราจะไปชิมกัน แต่ก่อนอื่นขอแวะเข้าที่พักแป็บๆนึง
 
คืนนี้เราจะพักกันที่ ภัทรภูริรีสอร์ท บ้านหลังที่เราจะพักคือ บ้านทิวสน 1หลังมี 2 ห้อง ราคาหลังละ 3800 บาท พักได้ 4คน แต่เสริมได้น่ะจ๊ะ
 


 

 
 
 
บริเวณรีสอร์ท กว้างขวาง หากใครอยากจะชิลๆ นอนเต็นท์ ทางรีสอร์ทก็มีให้เช่าน่ะ หรือจะเตรียมมาเองก็ได้ อ้อ!!ราคาที่พักรวมอาหารเช้าน่ะคับผม!!!
 
เอาหล่ะ!! จัดการเก็บข้าวของเรียบร้อย เราก็ไปกินข้าวกันดีกว่า จุดเช็คอินร้านอาหารของเราคือ ครัวม่อนไข่ ซึ่งหากใครมาสวนผึ้งก็ต้องนึกถึงอาหารร้านนี้ ... ครัวม่อนไข่ อยู่ไม่ไกลจากที่พัก เพียง 1กิโลเอง สบายแล้ว!!!
 
 
ไม่มีรูปร้านมาให้ดู มีแต่หน้าตาอาหารของเรามื้อนี้ ไม่นาน ภาพเหล่านี้ก็หายไปในพริบตา 555+++
 
กินเสร็จ กลับที่พัก นอน!!!..... พรุ่งนี้เช้าจะเป็นคิวของสายโหด รอนิดน่ะ ขอนอนก่อน!!!
 
....................................................................
 
อากาศตอนตี5 หนาวใช่เล่นเลย!!! ได้เวลาของสายโหดล่ะ เราจะไปตะลุยเขากระโจมกัน ได้ยินมาว่า ทางโหดนักโหดหนา แหม!!จะโหดแค่ไหนกันเชียว
 
เรานัดพี่เปี๊ยก ซึ่งเป็นคนของชมรมเรารักษ์เขากระโจม จะเป็นคนพาเราขึ้นไปเขากระโจมกัน (เดี๋ยวทิ้งเบอร์ไว้ให้ตอนท้าย) ราคาเหมา  1คัน 1600บาท นั่งได้8คน
 
 
การเดินทางขึ้นเขากระโจม จริงๆแล้วรถประเภทขับเคลื่อนสี่ส้อ ก็สามารถขับขึ้นไปได้เองน่ะ เท่าที่เห็นก็มีรถปิ๊กอัพ และ mu-7 ขับขึ้นไปเอง
 
แต่ถ้าจะให้ดี ติดต่อชมรมดีกว่า ความชินทางของพวกพี่ๆเขา เราก็สบายใจได้ไปอีกเปราะนึง
 
 
กว่าจะขึ้นมาถึง ไม่รู้ว่าตับสลับกับปอดมั้ย แต่ที่แน่ๆ หัวใจลงไปอยู่ที่ตาตุ่มแล้ว ตอนรถเอียง 5555++ ปล.ถ้าชอบความท้าทาย ขอให้ขึ้นมาที่นี่เลย มันส์มากกกๆ
 
 
ขึ้นมาถึงเป็นเวลา 6 โมงกว่าๆ วันนี้ไม่มีทะเลหมอกให้เห็น แต่ทุกคนที่ขึ้นมาก็ยังคงตั้งตารอดูพระอาทิตย์ที่ค่อยๆ ออกมาให้ยลโฉมทีละนิดจนเต็มดวง

 


 
ค่อยๆออกมา ด้วยความเขิลอาย 555+++
 
 
และในที่สุด.........

 
 
หลังจากลุ้นกันอยู่สักพัก ก็เริ่มเห็นแสงสีแดงที่ออกมายั่วยวน ทีละนิดๆ ..ได้ยินเสียงข้างๆแว่วมาว่า "ของจริงสวยกว่าในกล้องอีก" ซึ่งเราก้เห็นด้วย มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ
 
เก็บภาพความงามบนนี้แล้ว ยังมีอีกที่ๆพี่เปี๊ยกจะพาเราไป ตามมาๆ
 
 
เนินหญ้าคา ขึ้นมาบนนี้สามารถมองเห็นฝั่งพม่าได้

 

 

 
พอท้องฟ้าสว่างขึ้น เราก็ได้เห็นอะไรมากมาย โดยเฉพาะเส้นทางที่เราผ่านขึ้นมาเมื่อเช้า บางจุดถนนเป็นร่องลึก ต้องใช้ความชำนาญมากๆ ไม่งั้นรถอาจพลิกคว่ำได้ ... โหดใช่เล่น!!!

 

 
 
 
อีกหนึ่งจุดที่พี่เขาพาแวะ คือ น้ำตกผาแดง รวมอยู่ในราคาเหมาแล้วน่ะ จากปากทางเข้าเดินไปประมาณ300 เมตร
 
 

 

 
พอมาถึงตัวน้ำตกจะเห็นแบบนี้ หินที่เห็นค่อนข้างลื่น และทางเดินลงมาค่อนข้างชัน มีการต้องออกแรงปีนป่ายด้วย ต้องใช้ความระมัดระวังด้วยตอนเดินลง
 
 
น้ำตกผาแดง เป็นน้ำตกขนาดกลาง ไม่ใหญ่มาก  น้ำจะไหลลงมาที่แอ่งน้ำ แล้วไหลต่อลงไปยังหุบเหวเบื้องล่าง วิวนี้แหละ!! สวยมากกก

 
น้ำใสและเย็นมาก แต่ไม่แนะนำให้เล่นน่ะจ๊ะ เพราะค่อนข้างอันตราย หินบริเวณแอ่งลื่นมาก ไม่เหมาะที่จะเล่นน้ำ
 
 
หลังจากที่ชุ่มฉ่ำกับน้ำตกกันพอควร ก็ได้เวลาเดินทางกลับสู่ที่พัก
 
 
เส้นทางการขึ้นเขากระโจม เป็นเยี่ยงนี้ อ้อ! ลืมบอกไป มีกำหนดเวลาขึ้น-ลงเขาด้วยน่ะ ... ให้ขึ้นเวลา 04.00-07.00น. แล้วให้ลงเวลา 07.00-09.00น. และหลังจากเก้าโมงเช้าไปแล้วขึ้นลงได้ตามปกติ
 
 

 

 
อีกหนึ่งที่เป็นหัวใจของการออฟโรด คือการขับรถลุยน้ำ อันนี้ชอบมาก ชอบเป็นการส่วนตัว 555++   รู้สึกว่ามันได้ฟิวส์ของการพจญภัย

 
ปิดฉากด้วยความประทับใจกับการเดินทางที่สมบุกสมบัน โหดสมคำร่ำลือ ซึ่งเราก็ไม่แน่ใจว่า ถนนที่เราผ่านมา เป็นทางขึ้นเขาหรือดาวอังคาร
 
ก่อนที่จะออกจากสวนผึ้ง ถ้าไม่แวะที่นี่คงไม่ได้ "โมอาย คอฟฟี่" ร้านกาแฟที่ถือเป็นแลนด์มาร์คสำคัญของที่นี่ ..... กาแฟสักแก้วก่อนเดินทางกลับกรุง....
 
 

 
 
จบลงไปแล้วกับการเที่ยวสวนผึ้งในครั้งนี้ของเรา ใครรักสายไหน ชอบเที่ยวแบบไหน น้องก็ไม่ว่า!! แต่....ห้ามตื่นสายน่ะ!!  เวลามาเที่ยวต้องตื่นเช้าๆ จะได้เห็นอะไรดีๆ อยู่บ้านตื่นสายได้ หราาาา!!! 555+++
 
อ่ะ! อ่ะ!! เบอร์พี่เปี๊ยก ชมรมคนรักษ์เขากระโจม 091-7502584 เห็นพี่แกนิ่งๆแต่ใจดีน่ะ หรือจะติดต่อกับทางรีสอร์ทที่เข้าพักก็ได้น่ะ!!
 
อ่านเล่าเรื่องเที่ยวของเราได้ที่นี่ http://toonnstory.blogspot.com
 
 
บ๊ายบาย....แล้วเจอกับทริปหน้าน่ะ
 
 
ขอบคุณน่ะครับผม ที่แวะเข้ามาเยี่ยมเยือน!!!
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ตามหาลมหนาวจากเชียงใหม่-แม่ฮ่องสอน

ปางมะผ้า "ผ่านมาแล้ว..อย่าแค่ผ่านไป"

เที่ยวสระแก้ว นอนหลับเพลิน....รีสอร์ท